พระเจ้าทรงเตรียมคริสตจักรยุคสุดท้าย ให้เป็นเจ้าสาวของพระองค์
1. คริสตจักรเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ เป็นแผนการนิรันดร์ของพระเจ้า ให้เห็น ตอนจบ ตั้งแต่แรก
ใน อสย 46:10
10ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น
และ แจ้งถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเลย ให้ทราบตั้งแต่กาลโบราณ
กล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน
และเราจะกระทำให้ความประสงค์ของเราสำเร็จทั้งสิ้น’
และ แจ้งถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ทำเลย ให้ทราบตั้งแต่กาลโบราณ
กล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน
และเราจะกระทำให้ความประสงค์ของเราสำเร็จทั้งสิ้น’
มนุษย์ถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระเจ้า ถูกออกแบให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า (ปฐก 2) และ ตอนจบ ของผู้เชื่อ คือ“ เจ้าสาว” ใน วิวรณ์ 19:6-9
6แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงดุจเสียงฝูงชนเป็นอันมาก ดุจเสียงน้ำมากหลาย และดุจเสียงฟ้าร้องสนั่นว่า “อาเลลูยา เพราะว่าพระเจ้าของเรา ผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดทรงครอบครองอยู่
7ขอให้เราทั้งหลายร่าเริงยินดีและเต้นโลดถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลามงคลสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ได้เตรียมพร้อมแล้ว”
8ทรงโปรดให้เจ้าสาวสวมผ้าป่านเนื้อละเอียดใสบริสุทธิ์ เพราะผ้าป่านเนื้อดีนั้นได้แก่
การประพฤติอันชอบธรรมของพวกธรรมิกชน” 9และทูตสวรรค์องค์นั้นสั่งข้าพเจ้าว่า “จงเขียนไว้เถิดว่า ความเจริญสุขมีแก่คนทั้งหลาย ที่ได้รับเชิญมาในการมงคลสมรสของพระเมษโปดก” และท่านบอกข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นพระวจนะแท้ของพระเจ้า”
7ขอให้เราทั้งหลายร่าเริงยินดีและเต้นโลดถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลามงคลสมรสของพระเมษโปดกแล้ว และเจ้าสาวของพระองค์ได้เตรียมพร้อมแล้ว”
8ทรงโปรดให้เจ้าสาวสวมผ้าป่านเนื้อละเอียดใสบริสุทธิ์ เพราะผ้าป่านเนื้อดีนั้นได้แก่
การประพฤติอันชอบธรรมของพวกธรรมิกชน” 9และทูตสวรรค์องค์นั้นสั่งข้าพเจ้าว่า “จงเขียนไว้เถิดว่า ความเจริญสุขมีแก่คนทั้งหลาย ที่ได้รับเชิญมาในการมงคลสมรสของพระเมษโปดก” และท่านบอกข้าพเจ้าว่า “ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นพระวจนะแท้ของพระเจ้า”

แผนการณ์ไถ่บาปให้มนุษย์ ที่ไม่ใช่แค่รอดพ้นจากบาป ผลพวงของบาป และ บึงไฟนิรันดร์ แต่พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่กลับมาใกล้ชิด กลับมารักพระเจ้าด้วยใจสมัคร เลือกที่จะรักพระองค์เสมอในทุกสถานการณ์ เป็นเจ้าสาวที่มีชัยชนะร่วมครอบครองกับพระองค์ ดังปรากฎใน วิวรณ์ 19
1.1 งานมงคลสมรสของพระเมษโปดก พระเจ้าเป็นผู้จัดเตรียมเจ้าสาว และ งานมงคลสมรส เป็นพระประสงค์นิรันดร์ของพระเจ้าตั้งแต่การทรงสร้างในการจัดหาครอบครัวให้พระคริสต์ ให้มีเจ้าสาวที่คู่ควร เหมาะสมที่จะเทียมแอกร่วมกัน เจ้าสาวที่เป็นเพื่อนนิจนิรันดร์ เป็นกรรมสิทธิขององค์เจ้าบ่าวตลอดไป เป็นมรดกนิจนิรันดร์ของพระเยซู (ฉธบ. 32:9)
9เพราะว่าส่วนของพระเจ้าคือ ประชากรของพระองค์ ยาโคบเป็นส่วนมรดกของพระองค์เอง ( His inheritance)
17ข้าพเจ้าอธิษฐานว่า ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา คือพระบิดาผู้ทรงพระสิริทรงโปรดประทานให้ท่านทั้งหลาย มีจิตใจอันประกอบด้วยสติปัญญา และความประจักษ์แจ้งในเรื่องความรู้ถึงพระองค์ 18และขอให้ตาใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อท่านจะได้รู้ว่า ในการที่พระองค์ทรงเรียกท่านนั้น พระองค์ได้ประทานความหวังอะไรแก่ท่าน และรู้ว่า มรดกของพระองค์ สำหรับธรรมิกชนมีสง่าราศีอันอุดมบริบูรณ์เพียงไร(อฟซ.1:17-18) ( His inheritance)
1.2 เจ้าสาวได้เตรียมตัวให้พร้อมแล้วที่จะเดินในความบริสุทธ์ ในความรักด้วยใจสมัคร ในเวลานี้พระเจ้าทรงมุ่งมั่นที่จะฝึกฝน ชำระ คริสตจักรบนโลกนี้ให้เป็นเจ้าสาวที่พร้อมจริงๆ เป็นสิ่งที่น่าสะพึงกลัวที่เต็มไปด้วยพระสิริที่พระเจ้าทรงร้อนพระทัย ทรงกระตือรือร้นที่จะลงทุนและทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คริสตจักรเป็นเจ้าสาวของพระองค์ที่เต็มไปด้วยสง่าราศรี เต็มไปด้วยสิทธิอำนาจครอบครองร่วมกับองค์เจ้าบ่าว
1.3 พระองค์ทรงประทานชุดเจ้าสาวที่ทำด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียด ให้แก่ผู้เชื่อแต่ละคนตามแต่พฤติกรรมที่เชื่อฟัง ผู้เชื่อได้รับเสื้อคลุมแห่งความชอบธรรมเพราะการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูที่ไม้กางเขน ( 2 คธ 5:21, อสย61:10)
10เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประพฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว ( 2 คธ 5:10)
41ศักดิ์ศรีของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง ศักดิ์ศรีของดวงจันทร์ก็อย่างหนึ่ง ศักดิ์ศรีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง แท้ที่จริงศักดิ์ศรีของดาวดวงหนึ่งก็ต่างกันกับศักดิ์ศรีของดาวดวงอื่นๆ
42การซึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตายนั้นก็เหมือนกัน สิ่งที่หว่านลงนั้นเป็นของที่จะเน่าเปื่อย สิ่งที่เป็นขึ้นมาใหม่นั้นก็จะไม่รู้จักเน่าเปื่อย ( 1 คธ 15:41- 42)
1.4 ชุดเจ้าสาวจะมีสง่าราศรีที่แตกต่างกัน เนื้อผ้าที่ต่างกัน สีและกลิ่นที่ต่างกัน
1.5 เจ้าสาวเลือกชุดวันแต่งงาน ด้วยความใส่ใจ ด้วยความรัก เธอจะไม่ปรานีปรานอมต่อการทดลอง ต่อสู้การลองใจ อึดอดทน ไม่ล้มเลิกง่ายๆ ไม่เกียจคร้าน เพราะความรักอย่างมากมายที่เธอมอบให้องค์เจ้าบ่าว
1.6 เราเป็นเจ้าของชุดเจ้าสาวของเราตลอดไป ชุดของเรากำลังก่อเป็นรูปร่างด้วยความเชื่อฟังของเราที่ทำด้วยวิญญาณของความรัก สิ่งที่เราเลือกตัดสินใจวันนี้จะเป็นตัวบ่งชี้คุณลักษณะของชุดแต่งงานที่เราจะสวมไปนิจนิรันดร์ การตัดสินใจเลือกของเราก่อนงานมงคลสมรสจะจัดเตรียมชีวิตแห่งการไถ่หลังงานมงคลสมรส
1.7 พระเจ้าผู้ทรงสรรพญูรู้ทั่ว ทรงปลดปล่อยฤธานุภาพของพระองค์ในการเตรียมคริสตจักรของพระองค์
2. คริสตจักรจะเต็มไปด้วยพระสิริ เต็มไปด้วยสง่าราศรี เมื่อพระองค์ทรงเสด็จกลับมาครั้งที่สอง
26เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์ โดยการทรงชำระด้วยน้ำและพระวจนะ 27เพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรที่มีสง่าราศี ไม่มีตำหนิริ้วรอย หรือมลทินใดๆเลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ 28เช่นนั้นแหละ สามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง29เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทนุถนอม เหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร อฟซ 6:26-29)
2.1 จากข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ อ เปาโล ได้ให้รายละเอียดที่สำคัญ ทั้งยังให้ความหมาย ว่าคริสตจักรที่เตรียมพร้อมแล้วเป็นอย่างไรเมื่อพระเยซูเสด็จมาครั้งที่สอง คริสตจักรจะเต็มไปด้วยพระสิริของพระเจ้า ได้รับการชำระให้บริสุทธ์ ปราศจากตำหนิ ริ้วรอย (เสื้อชุดเจ้าสาวที่สะท้อนความประพฤติของเธอ) ปราศจากตำหนิ (ผิวหนังของเธอสะท้อนความงดงามภายใน) ความคิด อารมณ์ การกระทำ จะ สะอาด งดงาม ปรากฎแก่สาธารณชน ก่อนการเสด็จกลับมาของพระเยซู สิ่งนี้เต็มไปด้วยพระสิริและน่าสะพึงกลัวยิ่งนักเมื่อเรามองดูสภาพความเป็นจริงของพระกายของพระคริสต์ทั่วโลกในขณะนี้ แล้วอะไรจะทำให้คริสตจักรเปลี่ยนแปลงได้
2.2 แล้วพระสิริเช่นนี้จะได้รับการปลดปล่อยสู่คริสตจักรได้อย่างไร สาเหตุกดดันที่ทำให้ผู้เชื่อปราณีปรานอม มี – ด้านคือ ความโกรธแค้นของซาตาน ความบาปของมนุษย์ ความกระตือรือร้นของพระเจ้าที่จะสร้างวินัยเราเพื่อประโยชน์ของเรา (ฮร.12:5-11) อย่างไรก็ตามวิถีแห่งพระคุณที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อชำระคริสตจักรคือพระคำของพระเจ้า (ข้อ 26) และ คำอธิษฐาน (วว .22:17) ในบริบทของพระธรรมตอนนี้เราเข้าใจว่า เราได้รับการเลี้ยงดูและ ทนุถนอมจากพระเยซู คริสตจักรต้องได้รับอาหารจากพระคำพระเจ้าที่เปิดเผยให้เห็นความอ่อนโยนของพระองค์ที่มีต่อคริสตจักร
2.3 พระเจ้าจะทรงปลดปล่อยพระคุณที่ยิ่งใหญ่ในเวลาส่วนตัวของเราด้วยพระคำของพระองค์ ในเวลาเดียวกัน พระองค์ก็จะสร้างภาชนะที่จะร้องและประกาศพระคำของพระองค์ด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ( การนมัสการ การอธิษฐาน ด้วยพระคำ หรือ การนมัสการด้วยพิญและขันทองคำ ) เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงคริสตจักรของพระองค์
2.4 การอธิษฐาน อดอาหาร การใคร่ครวญภาวนาพระคำ และ เชื่อฟัง ที่จะ ตั้งใจของเราต่อหน้าพระเจ้า ที่จะรับอย่างมีเสรีภาพ กิจกรรมเหล่านี้ไม่ทำให้เราได้รับความโปรดปานจากพระเจ้า แต่เป็นเหมือนภาพที่ เราวางหัวใจที่เยือกเย็นของเรา ต่อหน้า ไฟแห่งการทรงสถิตย์ของพระเจ้า โดยการแสวงหาพระองค์ ด้วยพระคำ ด้วยวิญญาณ และ ความจริง
2.5 เราถวายหัวใจของเราแด่พระเจ้า และ รับจากพระองค์ ขณะที่เราอ่านพระคำ ซึ่งเป็นการสร้างบทสนทนาจากหัวใจของเราสู่พระทัยพระเจ้า พระคัมภีร์เป็นวัตุดิบในการสร้างบทสนทนากับพระเจ้า สร้างคำอธิษฐานให้กลับไปที่พระเจ้า เราอธิษฐานความจริงกลับไปที่พระองค์ที่สอนให้เรา เชื่อ พระคำ เราขอบคุณพระองค์สำหรับความจริงของพระองค์ เราขอให้พระเจ้าทรงเปิดเผยความจริงของพระองค์แก่เรา เราสนทนากับพระเจ้าโดยอธิษฐานความจริงของพระองค์กลับไปหาพระองค์ ที่สอนให้เราเชื่อฟังถ้อยคำของพระองค์ เราจึงถวายตัวของเราให้เชื่อฟังพระคำ และทูลขอพระเจ้าให้เพิ่มพลังอำนาจในการที่จะเชื่อฟังพระองค์ในความจริงที่พระองค์ทรงเปิดเผยอย่างเฉพาะเจาะจง
3. ความจำเป็น *** เสียงร้องอธิษฐาน 3 ประการของเจ้าสาวของพระคริสต์
พระวิญญาณและเจ้าสาวตรัสว่า “เชิญมาเถิด” และให้ผู้ที่ได้ยินคำกล่าวว่า “เชิญมาเถิด” ….. “เราจะมาในเร็วๆนี้แน่นอน” อาเมน พระเยซูเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด (วว 22:17,20)
3.1 ยุคนี้จะสิ้นสุดลงด้วยคริสตจักรที่นมัสการและอธิษฐาน คริสตจักรที่อยู่ในอัตลักษณ์ของเจ้าสาวของพระคริสต์ ประโยคนี้เป็นคำเผยพระวจนะที่สำคัญยิ่งยวด ครบถว้น สำหรับการเผยพระวจนะยุคสุดท้าย พระคำใน วว 22:17 เปิดเผยความจริงแก่เราว่า พระวิญญาณบริสุทธิต้องการพูดและทำอะไรกับคริสตจักร คริสตจักรยุคสุดท้ายจะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เธอจะได้รับการเจิมพลังอำนาจ เข้าสู่การอธิษฐานวิงวอน ยืนในตำแหน่งของเจ้าสาว และ การเก็บเกี่ยวที่มีประสิทธิภาพ
3.2 เสียงร้องอธิษฐาน – ประการ ขอให้พระเจ้าเสด็จมาด้วยฤทธานุภาพ ( การทะลุทลวงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ )
3.2.1 ขอเสด็จมาใกล้เรา ในความใกล้ชิดสนิทสนม (ฟื้นใจเรา เผชิญหน้ากับพระเจ้า ) แตะใจเรา
3.2.2 ขอเสด็จมาหาเราในการฟื้นฟู ( การเยี่ยมเยียนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการฟื้นฟูในประวัติศาสตร์) แตะต้องเมองของเรา ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และ ด้วยสิทธิอำนาจของอัครฑูต จนกว่าเราจะเห็นการจัดตั้งทรงประทับของพระเจ้าในเมืองของเรา
3.2.3 ขอเสด็จมาเพื่อเราในท้องฟ้า ( การเสด็จกลับมาครั้งที่สอง) แตะโลกนี้
3.3 พระเจ้าได้ทรงมอบหมายให้ มนุษย์ ครอบครองโลกนี้ ( ปฐก 1:26-28 สดด 116:15)
26แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน (ปฐก 1:26 )
16ฟ้าสวรรค์เป็นฟ้าสวรรค์ของพระเจ้า แต่พระองค์ประทานแผ่นดินโลกให้แก่บุตรของมนุษย์ (สดด 115:16)
7พระองค์ทรงทำให้ท่านต่ำกว่าเหล่าทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่ง และพระองค์ทรงประทานพระสิริและพระเกียรติให้แก่ท่าน 8พระองค์ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้อยู่ภายใต้เท้าของท่าน
ในการซึ่งพระองค์ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้อยู่ใต้อำนาจของท่านนั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่อยู่ใต้อำนาจของท่าน ความจริงนั้น ขณะนี้เรายังไม่เห็นว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของท่าน (ฮร 2:7-8)
ในการซึ่งพระองค์ทรงมอบสิ่งทั้งปวงให้อยู่ใต้อำนาจของท่านนั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่อยู่ใต้อำนาจของท่าน ความจริงนั้น ขณะนี้เรายังไม่เห็นว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของท่าน (ฮร 2:7-8)
3.4 มนุษย์แต่ละคนมีขอบเขตของสิทธิอำนาจที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ ซึ่งครอบคลุมถึง มนษย์ภายใน งานรับใช้ การเงิน ความสัมพันธ์ในครอบครัว อาณาบริวณที่ใช้ชีวิต เป็นต้น
12การกระทำความชั่วร้ายเป็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าชังต่อพระราชา
เพราะว่าพระที่นั่งนั้นถูกสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม (สภษ 16:32)
เพราะว่าพระที่นั่งนั้นถูกสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม (สภษ 16:32)
13ฝ่ายเราจะไม่โอ้อวดในสิ่งใดเกินขอบเขต แต่ว่าจะอวดในขอบเขตที่พระเจ้าทรงจัดไว้ให้เรา และพวกท่านก็อยู่ในขอบเขตนั้น 14การที่มาถึงท่านนั้น มิใช่โดยการล่วงขอบเขตอันควร เราเป็นพวกแรกที่นำข่าวประเสริฐของพระคริสต์มาประกาศแก่ท่าน ( 2 คธ10:13-14)
14“และยังเปรียบเหมือน ชายผู้หนึ่งจะออกเดินทางไป จึงเรียกพวกทาสของตนมาฝากทรัพย์สมบัติไว้ 15คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์ คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป (มธ 25:14-15)
12เหตุฉะนั้นพระองค์จึงตรัสว่า “มีเจ้านายองค์หนึ่งไปเมืองไกล เพื่อจะรับอำนาจมาครองแผ่นดิน แล้วจะกลับมา 13ท่านจึงเรียกทาสของท่านสิบคนมามอบเงินไว้แก่เขาสิบมินา สั่งว่า ‘จงเอาไปค้าขายจนเราจะกลับมา’ (ลก 19:12-13)
3.5 การอธิษฐาน คือ ( a convenantal way) ช่องทางซึ่งร่วมกันใช้สิทธิอำนาจตามกฎหมายกับสิ่งที่อยู่ภายใต้การครอบครองของเรา ( จิตใจ สถานการณ์ พื้นที่ทางกายภาพ ) คำอธิษฐานของเราจะเชื้อเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์ บนพื้นฐานของการร่วมใจกัน ให้ทรงเข้ามาจัดการในบริเวณที่เราครอบครอง (ทั้งภายใน และ ภายนอก) การอธิษฐานเป็นช่องทางซึ่งเราร่วมกันเปิดให้พระวิญญาณทรงกระทำพระราชกิจองพระองค์ พระองค์ทรงกระทำพระราชกิจของพระองค์ได้ตามขนาดที่พระองค์ได้รับการทูลเชิญ กุญแจของดาวิด และกุญแจแห่งแผ่นดินของพระเจ้า จะปฎิบัติการด้วยพันธสัญญาตามความยุติธรรมต่อหน้าศาลยุติธรรมของพระเจ้า
3.6 เจ้าสาวจะจัดเตรียมสถานที่สำหรับเจ้าบ่าวที่จะเสด็จมาในระดับ ส่วนบุคคล ส่วนรวม และในระดับกายภาพที่เจาะจง เหมือนที่เธอได้เชื้อเชิญพระเยซูให้เสด็จมาใกล้เรา เสด็จมาหาเรา และ เพื่อเรา (สดด. 132:1-5)
ข้าแต่พระเจ้า ด้วยทรงเห็นแก่ดาวิด ขอทรงระลึกถึง ว่าท่านได้ทนลำบากยากเข็ญเท่าใด
2ว่า ท่านได้ปฏิญาณต่อพระเจ้าอย่างไร และได้บนตัวไว้ต่อองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของยาโคบว่า
3“ข้าพระองค์จะไม่เข้าบ้าน หรือเข้านอน 4ข้าพระองค์จะไม่ให้นัยน์ตาของข้าพระองค์หลับ
หรือให้หนังตาเคลิ้มไป 5จนกว่าข้าพระองค์จะหาสถานที่สำหรับพระเจ้าได้ คือที่ประทับขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของยาโคบ”
2ว่า ท่านได้ปฏิญาณต่อพระเจ้าอย่างไร และได้บนตัวไว้ต่อองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของยาโคบว่า
3“ข้าพระองค์จะไม่เข้าบ้าน หรือเข้านอน 4ข้าพระองค์จะไม่ให้นัยน์ตาของข้าพระองค์หลับ
หรือให้หนังตาเคลิ้มไป 5จนกว่าข้าพระองค์จะหาสถานที่สำหรับพระเจ้าได้ คือที่ประทับขององค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ของยาโคบ”
4. คำเตือนสติ ให้จัดหาชุดแต่งงาน
4.1 เราสามรถซื้อเสื้อสีขาว หรือ หามาตามวิถีแห่งพระคุณที่พระเจ้าทรงสอน เสื้อชุดแต่งงานสะท้อนถึงขีดของความรักที่เรามีต่อพระเยซูในชีวิตนี้ พระเยซุปรารถนาให้เราเสื้อชุดแต่งงานที่ขาวยิ่งกว่า
18เราเตือนสติเจ้าให้ซื้อทองคำที่หลอมให้บริสุทธิ์แล้วจากเรา เพื่อเจ้าจะได้เป็นคนมั่งมี และให้เจ้าซื้อเสื้อผ้าสีขาว เพื่อนุ่งห่มให้พ้นจากความอับอายที่เจ้าต้องเปลือยกายอยู่ และซื้อยาทาตาของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้แลเห็น
4.2 คริสเตียนบางคนอาจต้องทนทุกข์ที่สูญเสียรางวัลของเขาไป ขณะที่พยายามรักษาความรอดของตัวเองไว้
14ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน 15ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ (1 คธ 3:14-15)
8ท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี เพื่อท่านจะได้ไม่สูญเสียสิ่งที่ท่านได้กระทำมาแล้ว แต่อาจจะได้รับบำเหน็จเต็มที่ 9 ( 2 ยฮ 8 )
4.3 พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยด หลังจากยุคพันปีสิ้นสุดลง
1ข้าพเจ้าได้เห็นท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ เพราะท้องฟ้าเดิมและแผ่นดินโลกเดิมนั้นหายไปหมดสิ้นแล้ว และทะเลก็ไม่มีอีกแล้ว 2ข้าพเจ้าได้เห็นวิสุทธนคร คือนครเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า นครนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี 3ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังมาจากพระที่นั่งว่า “ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตกับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา 4พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป การคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วว 21:1-4)
4.4 พระเยซูทรงเตือนสติเราให้เฝ้าระวังอธิษฐาน เป็นวิถีแห่งการรักษาชีวิตภายใต้ความกดดันของยุคสุดท้าย เราเฝ้าระวังอธิษฐาน ทำให้เราสามารถรักษาเสื้อคลุมของเราไว้ ซึ่งบางคนอาจสูญเสียมันไป
15(นี่แน่ะ เราจะแอบย่องมาเหมือนขโมย ผู้ที่ตื่นอยู่และรักษาเสื้อผ้าของตนไว้อย่างดีจะเป็นสุข เพราะว่าเขาไม่ต้องเดินเปลือยกายให้คนทั้งหลายเห็น) วว 16:15
4.5 การปรานีปรานอม จะทำให้ผู้เชื่อสูญเสียชุดแต่งงาน ซึ่งจะทำให้คำพยานของเขาเป็นมลทินได้
ไร 4แต่ก็มีพวกเจ้าสองสามคนที่เมืองซาร์ดิส ที่ไม่ได้กระทำให้เสื้อผ้าของตนมีมลทิน และเขาเหล่านั้น จะแต่งตัวสีขาวเดินไปกับเรา เพราะว่าเขาเป็นคนที่สมควรแล้ว 5ผู้ใดมีชัยชนะ ผู้นั้นจะสวมเสื้อสีขาว และเราจะไม่ลบชื่อผู้นั้นออกจากหนังสือแห่งชีวิต เราจะรับรองชื่อผู้นั้นต่อพระพักตร์พระบิดาของเรา และต่อหน้าเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ (วว3:4-5 )
4.6 อัครฑูยยอนห์ ได้เตือนเราให้ เข้าสนิทในพระองค์ เพื่อเราจะไม่ถดถอยในความละอายที่ปฎิเสธความเชื่อเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาครั้งที่สอง
4.7 ยังคงมีคนในโลกนี้ที่จะเฉลิมฉลองการเสด็จกลับของพระเยซูในงานฉลองมงคลสมรส แต่ว่ามีบางคนที่ในที่สุดถูกผูกมัด กักขัง และโยนในบึงไฟ
2“แผ่นดินสวรรค์ อุปมาเหมือนกษัตริย์องค์หนึ่ง ได้จัดการเลี้ยงเนื่องในพิธีอภิเษกมเหสีให้ราชโอรสของท่าน 3แล้วใช้ข้าราชการไปตามผู้ที่รับเชิญในการนี้ แต่เขาไม่ใคร่จะมา 4ท่านยังใช้ข้าราชการอื่นไปอีก รับสั่งให้บอกผู้รับเชิญนั้นว่า ‘ดูเถิด เราได้จัดการเลี้ยงไว้แล้ว ทั้งวัวและสัตว์ขุนแล้วของเราก็ฆ่าไว้เสร็จ สิ่งสารพัดก็เตรียมไว้พร้อม จงมาในการอภิเษกนี้เถิด’ …….. 11“แต่เมื่อกษัตริย์องค์นั้นเสด็จทอดพระเนตรแขก ก็เห็นผู้หนึ่งมิได้สวมเสื้อสำหรับงาน12จึงรับสั่งถามว่า ‘สหายเอ๋ย เหตุไฉนจึงมาที่นี่โดยไม่สวมเสื้อสำหรับงานแต่งงาน’ ผู้นั้นก็นิ่งอั้นอยู่พูดไม่ออก13กษัตริย์จึงรับสั่งแก่พวกข้าราชการว่า ‘จงมัดมือมัดเท้าคนนี้เอาไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก อันเป็นที่ที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ 14ด้วยผู้รับเชิญก็มาก แต่ผู้ที่ทรงเลือกก็น้อย” (มธ 22:2-4,11-12)
เขียนโดย ไมค์ บิคเคิ้ล
ผู้ก่อตั้ง และ ผู้อำนวยการ นิเวศน์อธิษฐานนานาชาติ ที่เมืองแคนซัส ประเทศสหรัฐเมริกา
www.ihop.org
แปล และ เรียบเรียง โดย อ วรรณา ไพบูลย์เกษมสุทธิ